Football Manager 2020 (ฟุตบอล เมเนเจอร์ 2020) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ FM2020 เกมคุมทีมฟุตบอลชื่อดัง เปิดให้เล่นกันแบบฟรีๆ นับตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 มีนาคม ช่วยบรรเทาทุกข์โควิด-19
ไม่รู้ว่าโหลดมาเล่นแล้วจะเครียดไปกว่าเดิมหรือไม่ แต่อย่างน้อย Football Manager 2020 ก็ปล่อยให้เกมเมอร์ และผู้ที่สนใจหาเกมมาเล่นกันได้แบบฟรีๆ (ถูกลิขสิทธิ์) หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ทวีความรุนแรงไปทั่วโลก จนทำให้ลีกฟุตบอลชั้นนำต้องเลื่อนทำการแข่งขัน
การแพร่ระบาดยังส่งผลให้แฟนฟุตบอล รวมถึงตัวนักฟุตบอลหลายๆ คนต้องเข้ารับการกักตัวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถโหลดมาเล่นได้แล้ว ตอนนี้ โดยเข้าไปที่ Steam (สตีม) หรือ คลิกที่นี่ หลังจากนั้นให้ทำการสมัครสมาชิก และล็อกอินเข้าไปโหลด-เล่นเกมได้ทันที คุณมีโอกาสคุม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบอัพเดตตลาดผู้เล่นหน้าหนาว โดยมีดาวเตะอย่าง บรูโน่ เฟอร์นันเดส อยู่ในทีมเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับ “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ นำทีมมาโดย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
แม้แต่ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ตัวเก่งของ “เรือใบ” ก็ใช้เวลาในช่วงกักตัวคุมทีมฟุตบอลอยู่ที่บ้าน!
ZOOM รองรับการใช้งานแบบ Cross platform ได้ทั้ง Android, iOS, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC), โน๊ตบุ๊ก (Mac) รวมถึงอุปกรณ์ ZoomPresence หากมีข้อสงสัย หรือปัญหาสามารถติดต่อกับทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันได้ ผ่านทางอีเมล์ info@zoom.us สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ในปัจจุบัน แอลจียังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคต โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการใช้งาน AI ที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ประสิทธิภาพ (Efficiency) ที่เกิดจากการที่อุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือฟังก์ชั่นของระบบใดระบบหนึ่งถูกควบคุมผ่านช่องทางเดียวได้ เช่น ผ่านระบบการจดจำเสียง ระดับที่สองคือการปรับประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสมกับความต้องการส่วนบุคคล (Personalization) ผ่านการเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรมต่างๆ เพื่อปรับฟังก์ชั่นการทำงานของอุปกรณ์ให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ระดับที่สามคือ การใช้เหตุผล (Reasoning) ในการสังเกตถึงสาเหตุของการเกิดรูปแบบการใช้งานและพฤติกรรมต่างๆ เพื่อคาดการณ์และนำเสนอผลลัพธ์เชิงบวกให้กับผู้ใช้ และระดับสุดท้ายกับการสำรวจ (Exploration) ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนา AI ของแอลจี โดยเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบทดลองในเชิงวิทยาศาสตร์ ระบบต่างๆ ที่ถูกขับเคลื่อนโดย AI จะสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ผ่านการสร้างและทดสอบสมมติฐานต่างๆ นำไปสู่ข้อสรุปใหม่ๆ เปิดโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับการใช้ชีวิตของผู้บริโภค สอดคล้องกับสโลแกน ‘Innovation for a Better Life’ ของแอลจี
บ้านอัจฉริยะของแอลจีจึงเน้นการนำนวัตกรรมอันล้ำสมัยของ LG ThinQ ที่เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี AI เสริมการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น เริ่มจาก LG Smart Door ที่ยืนยันตัวตนของผู้ใช้ผ่านระบบการจดจำใบหน้า ควบคู่กับระบบการยืนยันตัวตนด้วยเส้นเลือดดำ ลำโพงอัจฉริยะที่สามารถใช้งานร่วมกับ Google Assistant และ Alexa เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่านการสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างสะดวกสบาย เครื่องซักผ้าแอลจีระบบ AI DDTM ที่ช่วยคำนวณวงจรการซักที่เหมาะสมด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะเนื้อผ้า และยังสามารถสั่งงานล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ต ตู้เย็น InstaView Door-in-Door™ ที่สามารถตรวจสอบวันหมดอายุของอาหารสดแต่ละชนิดภายในตู้เย็น พร้อมนำเสนอสูตรอาหารต่างๆ ที่ประกอบด้วยวัตถุดิบนั้นๆ และยังสามารถสั่งงานเตาอบให้ตั้งค่าตามสูตรอาหารเหล่านั้นได้โดยตรง เครื่องปรับอากาศที่สามารถตรวจสอบจำนวนผู้คนที่อยู่ในห้องเพื่อปรับการกระจายอากาศให้เหมาะสม โดย LG ThinQ ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้และปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เหมือนกับที่เคยสั่งงานครั้งก่อนได้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ(LG HomBot) ที่สามารถสั่งงานให้เริ่มทำความสะอาดเมื่อออกจากบ้านผ่านการตั้งค่าระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งสมาร์ททีวีที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงที่ถูกพัฒนาไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในความเข้าใจถึงบริบทของการสั่งงานของผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่กำลังเล่นอยู่บนทีวี เช่น การสอบถามถึงสถานที่ตั้งของฉากหรือแบรนด์เสื้อผ้าที่นักแสดงสวมใส่ในภาพยนตร์ที่กำลังรับชม เป็นต้น
#RIPTwitter ติดเทรนด์โลก หลังทวิตเตอร์ออกฟีเจอร์ใหม่
ทำเอาแฮชแท็ก #RIPTwitter ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลก หลังจากที่ทางทวิตเตอร์ (Twitter) เครือข่ายโซเชียลยอดฮิต ออกฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Fleets” ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับโพสต์ในแอปพลิเคชันสแนปแชต (Snapchat) หรือ Stories ในแอปอินสตาแกรม (Instagram)
โดยฟีเจอร์นี้ทำให้บางข้อความหายไปภายใน 24 ชม. มีการเปิดทดสอบที่แรก และที่เดียวในประเทศบราซิล แต่หลังจากที่ให้ทดสอบใช้ ดูเหมือนว่าชาวทวิตเตอร์จะไม่ค่อยชอบใจกับฟีเจอร์นี้มากนัก เนื่องจากมองว่าฟีเจอร์ดังกล่าวไม่เหมาะที่จะใช้กับทวิตเตอร์ เพราะเป็นข้อความ อีกทั้งยังสามารถลบข้อความได้อยู่แล้วหากต้องการ
หลังจากที่เปิดตัวฟีเจอร์นี้ออกไป ก็ทำให้เกิดแฮชแท็ก #RIPTwitter ติดเทรนด์ทั่วโลก มีชาวทวิตเตอร์พูดถึงประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง มากกว่า 1.15 แสนข้อความ ผู้ใช้จำนวนมากบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากเกินไป และสิ่งที่ต้องการมากกว่าคืออยากให้ข้อความที่ทวิตไปสามารถ edit สำหรือแก้ไขข้อความได้ ในกรณีที่ทวีตผิด หรือตกหล่น น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น